Tel: +66 62 417 8298
Email: sales_chem@axxo.co.th
HOME AXXOPRODUCTSPROMOTION

HOME AXXO

STANDARD SOLUTIONS AND INSTRUMENTS AND FEATURED PRODUCTS

Read More

PRODUCTS

PRODUCTS => BRANDS AND APPLICATIONS

Read More

PROMOTION

TODAY'S PROMOTION

Read More

Shaker

  1. เครื่องเขย่าคืออะไร?
  • หลักการทำงานของเครื่องเขย่า
  • ประเภทของเครื่องเขย่าในห้องปฏิบัติการ
  • ประโยชน์ของการใช้เครื่องเขย่าในห้องทดลอง
  • การเลือกเครื่องเขย่าให้เหมาะกับการทดลอง
  • หากต้องการผสมสารละลายปริมาณน้อย เช่น ตัวอย่างในหลอดทดลอง ควรเลือก Vortex Shaker ซึ่งให้การผสมที่รวดเร็วและทั่วถึง
    • สำหรับสารที่มีความหนืดสูงหรือสารที่ต้องการแรงสั่นสะเทือนสูง ให้เลือก Linear Shaker หรือ Reciprocal Shaker เพื่อให้ได้การเขย่าที่มีประสิทธิภาพ

ปริมาณของตัวอย่าง

  • สำหรับการทดลองที่ต้องผสมตัวอย่างในปริมาณมาก เช่น ในจานเพาะเชื้อหลายใบหรือบีกเกอร์ ควรเลือก Platform Shaker ที่มีพื้นที่วางตัวอย่างขนาดใหญ่ รองรับตัวอย่างได้จำนวนมากพร้อมกัน
    • หากเป็นการทดลองในระดับขนาดเล็ก สามารถเลือกเครื่องเขย่าขนาดเล็กหรือแบบตั้งโต๊ะ เช่น Vortex Shaker เพื่อความประหยัดพื้นที่และสะดวกในการใช้งาน

รูปแบบการเคลื่อนที่

  • หากต้องการผสมอย่างนุ่มนวล เหมาะกับการเพาะเลี้ยงเซลล์หรือจุลินทรีย์ ควรเลือกใช้ Orbital Shaker ซึ่งมีการเคลื่อนที่เป็นวงกลม ทำให้สารผสมกันอย่างนุ่มนวล
    • สำหรับการผสมที่ต้องการแรงกระแทกมากขึ้น สามารถเลือก Linear Shaker ที่เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงหรือตามแนวทิศทางที่ต้องการได้

ควบคุมอุณหภูมิและสภาวะแวดล้อม

  • หากการทดลองต้องการการควบคุมอุณหภูมิ เช่น การเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ที่ต้องการอุณหภูมิที่คงที่ ควรเลือก Incubator Shaker ซึ่งมีระบบควบคุมอุณหภูมิในตัว ช่วยควบคุมสภาวะให้เหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงเซลล์

ความเร็วและการปรับระดับการเขย่า

  • หากต้องการปรับระดับความเร็วของการเขย่า ควรเลือกเครื่องเขย่าที่สามารถปรับความเร็วได้หลายระดับ เช่น Rotary Shaker หรือ Orbital Shaker เพื่อให้สามารถเลือกการผสมที่เหมาะสมกับการทดลองแต่ละประเภท

ขนาดและพื้นที่ในห้องปฏิบัติการ

  • เลือกขนาดของเครื่องเขย่าที่เหมาะกับพื้นที่ในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ไม่เกะกะและสะดวกในการจัดวาง ตัวอย่างเช่น หากห้องปฏิบัติการมีพื้นที่จำกัด ควรเลือกเครื่องเขย่าที่มีขนาดเล็กหรือแบบตั้งโต๊ะ

การเลือกเครื่องเขย่าที่เหมาะสมช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำ ประหยัดเวลา และช่วยให้นักวิจัยสามารถควบคุมกระบวนการทดลองได้ดีขึ้น

  • เครื่องเขย่าชนิด Vortex กับ Orbital ต่างกันอย่างไร?

เครื่องเขย่าชนิด Vortex และ Orbital มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ทั้งในแง่ของรูปแบบการเคลื่อนที่ การใช้งาน และประโยชน์ ดังนี้:

รูปแบบการเคลื่อนที่

  • Vortex Shaker: ทำงานโดยการเขย่าในลักษณะหมุนวนอย่างรวดเร็ว มีการเคลื่อนที่แบบหมุนวนเป็นจุดศูนย์กลางที่แรงสั่นสะเทือน ทำให้เกิดการหมุนวนภายในของเหลวในภาชนะ เหมาะกับการผสมตัวอย่างขนาดเล็ก เช่น หลอดทดลอง โดยให้การผสมที่รวดเร็วและทั่วถึงในเวลาสั้น
    • Orbital Shaker: ทำงานโดยการเคลื่อนที่แบบวงกลมเป็นรอบ ทำให้เกิดการหมุนวนของสารภายในภาชนะ ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ที่นุ่มนวลกว่า เหมาะสำหรับการผสมตัวอย่างที่ต้องการการผสมอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่ต้องใช้แรงมาก เช่น จานเพาะเชื้อหรือบีกเกอร์ขนาดเล็ก

การใช้งาน

  • Vortex Shaker: นิยมใช้สำหรับตัวอย่างขนาดเล็กหรือการทดลองที่ต้องการการผสมอย่างรวดเร็วในระยะสั้น เช่น การละลายสารแขวนลอยหรือสารที่ต้องการการกระจายตัวภายในหลอดทดลอง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็วและการเขย่าที่ความเร็วสูง
    • Orbital Shaker: ใช้กับตัวอย่างที่ต้องการการผสมที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง เช่น การเพาะเลี้ยงเซลล์หรือจุลินทรีย์ที่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งต้องการการผสมในระดับที่คงที่และนุ่มนวลเพื่อลดการทำลายโครงสร้างของเซลล์

ความจุในการรองรับตัวอย่าง

  • Vortex Shaker: รองรับตัวอย่างได้ทีละหลอดทดลองหรือจำนวนตัวอย่างเล็กน้อย เน้นการผสมตัวอย่างที่มีปริมาณน้อยเป็นหลัก
    • Orbital Shaker: มีพื้นที่รองรับตัวอย่างมากกว่า เช่น สามารถวางขวดทดลองหรือบีกเกอร์หลายขวดได้พร้อมกัน ทำให้เหมาะสำหรับการผสมตัวอย่างจำนวนมากหรือการเพาะเลี้ยงที่ต้องใช้เวลานาน

ความเร็วในการเขย่า

  • Vortex Shaker: มีความเร็วในการเขย่าสูง มักอยู่ในช่วงหลายพันรอบต่อนาที จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการการผสมที่รวดเร็วและแรง
    • Orbital Shaker: ความเร็วในการเขย่าต่ำกว่าหรือสามารถปรับความเร็วได้หลากหลายระดับ แต่จะไม่ถึงระดับที่เร็วมาก ๆ เหมือน Vortex เหมาะกับการผสมที่ต่อเนื่องแต่ไม่ต้องการแรงสั่นสะเทือนมาก

โดยรวมแล้ว Vortex Shaker เหมาะกับการทดลองที่ต้องการการผสมที่เร็วและแรงในตัวอย่างขนาดเล็ก ส่วน Orbital Shaker เหมาะสำหรับการผสมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในตัวอย่างขนาดใหญ่กว่า หรือในงานเพาะเลี้ยงที่ต้องรักษาสภาวะของตัวอย่าง

  • การบำรุงรักษาเครื่องเขย่าเพื่อยืดอายุการใช้งาน

การบำรุงรักษาเครื่องเขย่าอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของเครื่องมือ โดยมีขั้นตอนที่สามารถทำได้ดังนี้:

  1. ทำความสะอาดเครื่องหลังการใช้งาน
    ควรทำความสะอาดพื้นผิวของเครื่องเขย่าหลังการใช้งานทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของสารเคมีหรือของเหลวที่อาจกัดกร่อนหรือทำลายพื้นผิวและชิ้นส่วนของเครื่อง โดยเฉพาะถาดหรือแผ่นรองรับตัวอย่าง ควรใช้ผ้าแห้งหรือน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมเพื่อเช็ดทำความสะอาด
  2. หลีกเลี่ยงการใช้งานเกินพิกัด
    หลีกเลี่ยงการวางตัวอย่างน้ำหนักเกินพิกัดที่เครื่องรองรับได้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อระบบมอเตอร์และกลไกการเคลื่อนที่ และอาจทำให้เครื่องเขย่าเสียหายหรือเสื่อมเร็วขึ้น
  3. ตรวจสอบความสมดุลของตัวอย่าง
    จัดเรียงตัวอย่างให้สมดุลเสมอ เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งจะลดความเสี่ยงต่อการสึกหรอของชิ้นส่วนและช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
  4. หยอดน้ำมันหล่อลื่นอย่างสม่ำเสมอ
    สำหรับเครื่องเขย่าที่ใช้ระบบมอเตอร์หรือกลไกที่ต้องการการหล่อลื่น ควรหยอดน้ำมันหล่อลื่นตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้กลไกทำงานได้ราบรื่น ลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งาน
  5. ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟ
    ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหาย เช่น การฉีกขาดหรือรอยขาด เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานและลดความเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
  6. สอบเทียบเครื่องเป็นประจำ
    หากเครื่องเขย่ามีฟังก์ชันที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การตั้งค่าความเร็วหรือเวลา ควรสอบเทียบเครื่องเป็นระยะตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อให้การเขย่ายังคงมีความแม่นยำอยู่เสมอ
  7. เก็บเครื่องในที่ที่เหมาะสม
    หากไม่ใช้งานเครื่องเขย่าเป็นระยะเวลานาน ควรเก็บเครื่องไว้ในที่แห้งและปราศจากฝุ่น หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีความชื้นหรือแสงแดดส่องถึงโดยตรง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนและการกัดกร่อน
  8. ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาจากผู้ผลิต
    การปฏิบัติตามคู่มือที่มากับเครื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละรุ่นและยี่ห้ออาจมีข้อแนะนำการบำรุงรักษาที่แตกต่างกัน การทำตามคำแนะนำจะช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

การบำรุงรักษาเหล่านี้ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องเขย่า แต่ยังช่วยลดปัญหาการซ่อมบำรุง ทำให้เครื่องทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

  • ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเขย่าในห้องทดลอง

ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเขย่าในห้องทดลองเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีข้อควรปฏิบัติหลัก ๆ ดังนี้:

  1. จัดวางเครื่องให้มั่นคง
    วางเครื่องเขย่าบนพื้นผิวที่มั่นคงและเรียบเสมอ เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนที่อาจทำให้ตัวเครื่องหรือภาชนะที่อยู่บนเครื่องตกหล่น การวางบนโต๊ะที่ไม่มั่นคงอาจทำให้เครื่องเคลื่อนที่และเกิดอุบัติเหตุได้
  2. ตรวจสอบการจัดเรียงตัวอย่างให้สมดุล
    ก่อนเริ่มการเขย่า ควรจัดเรียงตัวอย่างให้สมดุลบนถาดหรือฐานรองรับ เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนที่ไม่สม่ำเสมอและลดความเสี่ยงต่อการแตกหักหรือหล่นของภาชนะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนและอันตรายได้
  3. หลีกเลี่ยงการวางตัวอย่างน้ำหนักเกิน
    ตรวจสอบน้ำหนักรวมของตัวอย่างให้เหมาะสมกับพิกัดที่เครื่องรองรับได้ หากวางตัวอย่างที่มีน้ำหนักเกินอาจทำให้เครื่องเสียหายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
  4. ใช้เครื่องมือป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
    สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตานิรภัย และเสื้อคลุมปฏิบัติการเสมอ โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานกับสารเคมีอันตรายหรือสารกัดกร่อน เพื่อป้องกันการสัมผัสสารเคมีโดยตรงที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ภาชนะรั่วหรือแตก
  5. ตรวจสอบสภาพเครื่องก่อนการใช้งาน
    ตรวจสอบเครื่องเขย่าให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยแตกหรือเสียหาย โดยเฉพาะสายไฟและปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและการทำงานที่ไม่ปกติ
  6. ไม่เปิดฝาหรือสัมผัสตัวอย่างขณะเครื่องกำลังทำงาน
    ควรหลีกเลี่ยงการเปิดฝาเครื่องหรือสัมผัสภาชนะที่กำลังถูกเขย่า เพื่อป้องกันการกระเด็นหรือหลุดออกจากถาดที่อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนหรือการหกรั่วไหลของสารเคมี
  7. ตั้งค่าความเร็วในการเขย่าอย่างเหมาะสม
    เริ่มการเขย่าด้วยความเร็วต่ำก่อน และค่อย ๆ ปรับความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม การปรับความเร็วสูงเกินไปในทันทีอาจทำให้ภาชนะสั่นแรงจนเกิดการหลุดออกจากเครื่องได้
  8. ระมัดระวังการใช้งานสารไวไฟหรือสารกัดกร่อน
    หลีกเลี่ยงการเขย่าสารไวไฟหรือสารกัดกร่อนในเครื่องเขย่าที่ไม่มีฝาปิดหรือระบบระบายอากาศที่ดี และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องเขย่าทำจากวัสดุที่ทนต่อสารเคมี เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์
  9. ปิดเครื่องทันทีหลังใช้งาน
    เมื่อเสร็จสิ้นการทดลอง ควรปิดเครื่องและถอดปลั๊กเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในกรณีที่มีคนอื่นมาใช้งานเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ

การปฏิบัติตามแนวทางความปลอดภัยเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้งานเครื่องเขย่า และช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ปลอดภัย

  • การประยุกต์ใช้เครื่องเขย่าในงานวิจัยและการผลิต

1. การเพาะเลี้ยงเซลล์และจุลินทรีย์

  • การเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์และจุลินทรีย์: เครื่องเขย่าชนิด Orbital Shaker และ Incubator Shaker มักใช้ในการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่ต้องการการผสมอย่างต่อเนื่องและคงที่ เช่น ในการเตรียมเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์ในงานด้านชีวเคมีและเทคโนโลยีชีวภาพ
  • การผลิตโปรตีนและสารชีวภาพ: การเขย่าช่วยเพิ่มการกระจายตัวของเซลล์ในสื่อเพาะเลี้ยง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ดีขึ้น ส่งผลให้การเจริญเติบโตของจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และได้ผลผลิตสารชีวภาพ เช่น โปรตีนหรือเอนไซม์ในปริมาณสูง

2. การเตรียมตัวอย่างและสารละลายในการทดลอง

  • การละลายสารแขวนลอยและสารที่มีความหนืดสูง: เครื่องเขย่าแบบ Vortex Shaker ใช้สำหรับละลายหรือผสมสารที่มีความหนืด หรือสารที่ต้องการการกระจายตัวเร็วในปริมาณน้อย เช่น การเตรียมตัวอย่างในหลอดทดลอง
  • การเตรียมบัฟเฟอร์หรือสารละลายเคมี: ในงานวิจัยเคมีและชีวเคมี เครื่องเขย่าช่วยในการละลายสารเคมีในบัฟเฟอร์หรือสารละลายให้เข้ากันอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาในการเตรียมสารละลาย

3. การทดลองทางเคมีและชีววิทยาโมเลกุล

  • การเร่งปฏิกิริยาเคมี: เครื่องเขย่าช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบปิดที่ต้องการการผสมต่อเนื่อง เช่น การสังเคราะห์สารหรือปฏิกิริยาเคมีที่ต้องการความสม่ำเสมอในการผสมของสารตั้งต้น
  • การตรวจวิเคราะห์ DNA และโปรตีน: เครื่องเขย่าใช้ในการเตรียมตัวอย่างที่ต้องผสมกับสารเคมีหรือสารละลายเพื่อทำปฏิกิริยาต่าง ๆ เช่น การสกัด DNA หรือการทำปฏิกิริยากับสารเรืองแสงในการตรวจวิเคราะห์โปรตีน

4. การผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

  • การหมักและการเตรียมอาหาร: ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องเขย่าใช้ในการเตรียมส่วนผสม เช่น การหมักซอสหรือเครื่องดื่มหมัก ซึ่งต้องการการผสมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้รสชาติและความเข้มข้นที่สม่ำเสมอ
  • การเตรียมสารเติมแต่งและวัตถุดิบ: เครื่องเขย่าใช้ในขั้นตอนการผสมส่วนผสมต่าง ๆ เช่น การเตรียมสารเติมแต่งและวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร ช่วยให้ได้ส่วนผสมที่เข้ากันได้ดีและควบคุมปริมาณได้แม่นยำ

5. การทดสอบและการควบคุมคุณภาพ

  • การทดสอบความคงตัวและคุณภาพของผลิตภัณฑ์: ในการผลิตผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสำอางและยา เครื่องเขย่าใช้ในการทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์ โดยการผสมส่วนผสมให้เข้ากันและทดสอบความเสถียรในระยะเวลาต่าง ๆ
  • การควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมยา: ใช้เครื่องเขย่าในการเตรียมตัวอย่างสำหรับการทดสอบ เช่น การละลายของยาในกระบวนการละลายตัว ซึ่งช่วยควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาให้ได้มาตรฐาน

การใช้เครื่องเขย่าในงานวิจัยและการผลิตช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพ ลดเวลาในการทำงาน และควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม

  1. ตัวอย่างการทดลองที่นิยมใช้เครื่องเขย่า

เครื่องเขย่าถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในห้องปฏิบัติการ และมีการใช้งานในหลายการทดลองที่นิยมในสาขาต่าง ๆ ต่อไปนี้คือตัวอย่างการทดลองที่มักใช้เครื่องเขย่า:

1. การเพาะเลี้ยงเซลล์

  • การเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์: ใช้เครื่องเขย่าแบบ Orbital Shaker เพื่อให้เซลล์หรือจุลินทรีย์เจริญเติบโตในสื่อเพาะเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง โดยช่วยให้เกิดการกระจายตัวของเซลล์ได้อย่างสม่ำเสมอ
  • การผลิตโปรตีน: ในการผลิตโปรตีนจากเซลล์ E. coli หรือเซลล์สัตว์ ใช้เครื่องเขย่าในการรักษาการผสมของเซลล์และสารอาหาร เพื่อให้เซลล์เจริญเติบโตและผลิตโปรตีนได้สูงสุด

2. การเตรียมสารละลาย

  • การละลายสารเคมี: ใช้เครื่องเขย่า Vortex Shaker เพื่อเร่งการละลายของสารเคมีในบัฟเฟอร์หรือน้ำ เช่น การเตรียมสารละลายซึ่งต้องใช้ในปฏิกิริยาเคมีต่าง ๆ
  • การเตรียมบัฟเฟอร์: ในการทดลองชีวเคมี ควรใช้เครื่องเขย่าในการเตรียมบัฟเฟอร์ที่มีความเข้มข้นต่าง ๆ เพื่อให้ได้ค่าพีเอชที่ต้องการ

3. การทดลองทางเคมี

  • การผสมปฏิกิริยาเคมี: ใช้เครื่องเขย่าในการผสมสารตั้งต้นในปฏิกิริยาเคมี เช่น การทำปฏิกิริยาในการสร้างสารเคมีใหม่ เพื่อให้สารผสมกันได้อย่างทั่วถึง
  • การศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยา: ใช้เครื่องเขย่าในการควบคุมความเร็วและอุณหภูมิของการทดลองที่ต้องการวัดอัตราการเกิดปฏิกิริยา เช่น การเปลี่ยนสีหรือการเปลี่ยนแปลงของสาร

4. การทดสอบทางชีววิทยา

  • การสกัด DNA/RNA: ใช้เครื่องเขย่าในการสกัด DNA หรือ RNA จากเซลล์หรือเนื้อเยื่อ โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดและทำให้การสกัดสารพันธุกรรมมีคุณภาพสูง
  • การทำปฏิกิริยาทางชีวเคมี: ใช้เครื่องเขย่าในการทำปฏิกิริยาอัลลูมิเนียมฟอสเฟตกับ DNA เพื่อวัดปริมาณ DNA ที่สกัดได้ในรูปแบบของสีหรือฟลูออเรสเซนซ์

5. การผลิตอาหาร

  • การหมักเครื่องดื่ม: ในการผลิตเบียร์หรือไวน์ ใช้เครื่องเขย่าเพื่อกระจายตัวเชื้อจุลินทรีย์ในกระบวนการหมัก โดยช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การเตรียมซอสหรือเครื่องปรุง: ใช้เครื่องเขย่าในการผสมส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากันอย่างสม่ำเสมอ เช่น ซอสหรือเครื่องปรุงในอุตสาหกรรมอาหาร

6. การควบคุมคุณภาพ

  • การทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์: ใช้เครื่องเขย่าในการทดสอบความเสถียรของผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสำอางหรือยา โดยการผสมส่วนผสมและทดสอบในช่วงเวลาต่าง ๆ
  • การวิเคราะห์ปริมาณสารเคมี: ใช้เครื่องเขย่าในการเตรียมตัวอย่างสำหรับการวิเคราะห์โดยการทำปฏิกิริยากับสารวิเคราะห์ในเครื่องมือวิเคราะห์ต่าง ๆ เช่น HPLC หรือ GC

การใช้เครื่องเขย่าในงานทดลองดังกล่าวช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง จึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในห้องปฏิบัติการวิจัยและการผลิตหลายสาขา

  1. เทคโนโลยีใหม่ในเครื่องเขย่า

เทคโนโลยีใหม่ในเครื่องเขย่ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และความสามารถในการใช้งานในหลากหลายสาขา นี่คือลักษณะและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในเครื่องเขย่า:

1. การควบคุมแบบดิจิทัล

  • หน้าจอสัมผัส: เครื่องเขย่ารุ่นใหม่มักมีหน้าจอสัมผัสที่ใช้งานง่าย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าและควบคุมความเร็ว เวลา และฟังก์ชันการทำงานอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก
  • โปรแกรมที่ตั้งไว้ล่วงหน้า: ผู้ใช้สามารถตั้งโปรแกรมการทำงานตามลักษณะการทดลองที่ต้องการได้ ทำให้การใช้งานมีความแม่นยำและสะดวกสบายมากขึ้น

2. การเชื่อมต่อและการควบคุมระยะไกล

  • การเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth: เครื่องเขย่าสมัยใหม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth เพื่อการควบคุมระยะไกล และการบันทึกข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • แอปพลิเคชันสำหรับการควบคุม: ผู้ใช้สามารถควบคุมและติดตามสถานะการทำงานของเครื่องผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและการเข้าถึงข้อมูล

3. เทคโนโลยีเซ็นเซอร์อัจฉริยะ

  • การตรวจจับความสมดุล: เครื่องเขย่าบางรุ่นมีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับความสมดุลของตัวอย่างในระหว่างการเขย่า ซึ่งช่วยให้สามารถปรับความเร็วและทิศทางการเขย่าได้อัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหาย
  • การตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้น: บางรุ่นสามารถตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิหรือความชื้นในห้องปฏิบัติการได้ ทำให้สามารถทำการทดลองในสภาวะที่เหมาะสมได้

4. ฟังก์ชันการทำงานหลายแบบ

  • เครื่องเขย่าชนิดมัลติฟังก์ชัน: มีฟังก์ชันการทำงานหลายแบบ เช่น การเขย่า การหมุน การสั่น และการหมุนวน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้หลากหลายตามประเภทการทดลองที่ต้องการ
  • การทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น: สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เครื่องควบคุมอุณหภูมิ หรือเครื่องทำความเย็น เพื่อเพิ่มความสามารถในการทดลอง

5. การออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้

  • การลดเสียงรบกวน: เทคโนโลยีใหม่ช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างการทำงานของเครื่องเขย่า ทำให้สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องปฏิบัติการวิจัย
  • การออกแบบที่ประหยัดพื้นที่: เครื่องเขย่าขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา สามารถใช้งานได้ในพื้นที่จำกัด ทำให้เหมาะสำหรับห้องปฏิบัติการที่มีพื้นที่น้อย

6. ความสามารถในการบันทึกข้อมูล

  • การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์: บางรุ่นมีระบบเก็บข้อมูลอัตโนมัติและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามผลและปรับปรุงกระบวนการทดลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในเครื่องเขย่าทำให้ผู้ใช้สามารถทำการทดลองได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและวิจัยในหลากหลายสาขา

  1. ความแตกต่างระหว่างเครื่องเขย่าขนาดเล็กและขนาดใหญ่

เครื่องเขย่ามีหลายขนาดและการออกแบบ ซึ่งแต่ละขนาดมีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน นี่คือความแตกต่างระหว่างเครื่องเขย่าขนาดเล็กและขนาดใหญ่:

1. ขนาดและน้ำหนัก

  • เครื่องเขย่าขนาดเล็ก: มักมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องปฏิบัติการที่มีพื้นที่จำกัด สามารถวางบนโต๊ะหรือพื้นที่ทำงานเล็ก ๆ ได้ง่าย
  • เครื่องเขย่าขนาดใหญ่: มีขนาดใหญ่และหนักกว่ามาก มักถูกออกแบบมาเพื่อรองรับภาชนะที่มีขนาดใหญ่หรือจำนวนมาก อาจต้องใช้พื้นที่มากขึ้นในการวางตั้ง

2. ความจุและความสามารถในการรองรับตัวอย่าง

  • เครื่องเขย่าขนาดเล็ก: สามารถรองรับภาชนะขนาดเล็ก เช่น หลอดทดลองหรือขวดขนาดเล็ก โดยมักจะมีจุดหมุนหรือพื้นที่รองรับที่จำกัด
  • เครื่องเขย่าขนาดใหญ่: รองรับภาชนะที่มีขนาดใหญ่ เช่น ถังน้ำหรือขวดขนาดใหญ่ และมักมีหลายจุดรองรับ เพื่อให้สามารถเขย่าได้ในเวลาเดียวกันหลาย ๆ ตัวอย่าง

3. ความเร็วและการควบคุม

  • เครื่องเขย่าขนาดเล็ก: มักมีฟังก์ชันการควบคุมความเร็วที่ง่ายและตรงไปตรงมา และอาจไม่มีฟังก์ชันเพิ่มเติมในการตั้งโปรแกรมหรือการควบคุมอัตโนมัติ
  • เครื่องเขย่าขนาดใหญ่: มักมีฟังก์ชันการควบคุมที่ซับซ้อนกว่า เช่น การตั้งโปรแกรมเวลาและความเร็วได้หลายระดับ รวมถึงการควบคุมอุณหภูมิในบางรุ่น

4. การใช้งาน

  • เครื่องเขย่าขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับการทดลองในระดับเล็ก เช่น การเตรียมตัวอย่างในวิจัย การทำปฏิกิริยาเคมีในหลอดทดลอง หรือการทำงานในห้องปฏิบัติการที่มีการทดลองจำนวนมากแต่เป็นขนาดเล็ก
  • เครื่องเขย่าขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับการผลิตหรือการทดลองในระดับอุตสาหกรรม เช่น การผลิตยา การหมักในอุตสาหกรรมอาหาร หรือการทำงานที่ต้องใช้ภาชนะขนาดใหญ่

5. ค่าใช้จ่าย

  • เครื่องเขย่าขนาดเล็ก: มักมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายและเหมาะสำหรับห้องปฏิบัติการขนาดเล็กหรืองบประมาณที่จำกัด
  • เครื่องเขย่าขนาดใหญ่: มักมีราคาสูงกว่าซึ่งสอดคล้องกับขนาดและความสามารถในการทำงานที่หลากหลายกว่า

6. การบำรุงรักษา

  • เครื่องเขย่าขนาดเล็ก: มักต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าทำให้การใช้งานสะดวกและง่ายต่อการดูแล
  • เครื่องเขย่าขนาดใหญ่: อาจต้องการการบำรุงรักษาที่มากขึ้นเนื่องจากการทำงานที่ซับซ้อนกว่าและอาจมีส่วนประกอบที่มากกว่า

การเลือกเครื่องเขย่าที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน ขนาดของตัวอย่างที่ต้องการเขย่า และพื้นที่ที่มีในห้องปฏิบัติการ

  1. วิธีการตั้งค่าเครื่องเขย่าให้เหมาะสมกับการทดลอง

การตั้งค่าเครื่องเขย่าให้เหมาะสมกับการทดลองเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสม่ำเสมอ นี่คือวิธีการตั้งค่าเครื่องเขย่าที่คุณควรพิจารณา:

1. เลือกประเภทของเครื่องเขย่า

  • เครื่องเขย่าชนิด Vortex: เหมาะสำหรับการผสมในหลอดทดลองหรือปริมาณเล็ก ๆ ที่ต้องการการผสมอย่างรวดเร็ว
  • เครื่องเขย่าชนิด Orbital: เหมาะสำหรับการผสมสารในภาชนะขนาดใหญ่หรือหลาย ๆ ตัวอย่างในเวลาเดียวกัน

2. เตรียมตัวอย่าง

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวอย่างในภาชนะเหมาะสมกับเครื่องเขย่าที่เลือก ใช้ภาชนะที่มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะสม เช่น หลอดทดลอง ขวด หรือถัง

3. กำหนดความเร็วการเขย่า

  • ความเร็วที่เหมาะสม: ตั้งค่าความเร็วของเครื่องเขย่าให้เหมาะสมกับประเภทของตัวอย่างและปฏิกิริยาที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น:
    • สำหรับการผสมเบา ๆ หรือการละลาย ใช้ความเร็วต่ำ
    • สำหรับการทำปฏิกิริยาเคมีหรือการทำให้อากาศในสารละลาย ให้ใช้ความเร็วสูง
  • ทดสอบความเร็ว: อาจต้องทดลองความเร็วต่าง ๆ เพื่อดูว่าอะไรให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการทดลองนั้น ๆ

4. ตั้งค่าเวลา

  • กำหนดระยะเวลาที่เครื่องเขย่าจะทำงานได้ โดยขึ้นอยู่กับการทดลอง:
    • หากต้องการการผสมอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาสั้น
    • หากต้องการการผสมอย่างต่อเนื่อง ให้ตั้งค่าเวลาให้ยาวขึ้น
  • การตรวจสอบเป็นระยะ: ในการทดลองบางประเภท อาจต้องตรวจสอบการผสมระหว่างการทำงาน เพื่อปรับระยะเวลาได้ตามความเหมาะสม

5. ตรวจสอบความปลอดภัย

  • การติดตั้งเครื่องเขย่า: วางเครื่องเขย่าให้มีความมั่นคงและมีพื้นที่เพียงพอในการทำงาน
  • การใช้ป้องกัน: หากทำการทดลองที่อาจเกิดการกระเด็น ควรใช้ฝาครอบหรืออุปกรณ์ป้องกันเพื่อป้องกันอันตราย

6. ตรวจสอบการตั้งค่าอุณหภูมิ

  • หากเครื่องเขย่ามีฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับการทดลอง
  • ตั้งค่าอุณหภูมิให้เหมาะสมตามที่ต้องการ เช่น อุณหภูมิห้องหรืออุณหภูมิที่ต้องการในกระบวนการทดลอง

7. บันทึกและติดตามข้อมูล

  • บันทึกการตั้งค่าเครื่องเขย่า เช่น ความเร็ว เวลา และอุณหภูมิ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ผลในอนาคต
  • ติดตามผลการทดลองเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของการตั้งค่า และปรับปรุงหากจำเป็น

8. ทดสอบและปรับปรุง

  • หลังจากตั้งค่าเสร็จสิ้น ควรทำการทดลองเพื่อดูผลลัพธ์ หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ อาจต้องปรับความเร็ว เวลา หรืออุณหภูมิใหม่
  • ใช้ข้อมูลที่ได้ในการปรับปรุงการตั้งค่าในอนาคตให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

การตั้งค่าเครื่องเขย่าอย่างถูกต้องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำของการทดลอง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและสามารถทำซ้ำได้ในอนาคต

  1. วิธีการตรวจสอบและควบคุมประสิทธิภาพของเครื่องเขย่า

การตรวจสอบและควบคุมประสิทธิภาพของเครื่องเขย่าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง นี่คือวิธีการตรวจสอบและควบคุมประสิทธิภาพของเครื่องเขย่า:

1. การตรวจสอบภายนอก

  • ตรวจสอบสภาพทั่วไป: ตรวจสอบเครื่องเขย่าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหาย เช่น รอยแตกหรือรอยบุบที่อาจส่งผลต่อการทำงาน
  • ตรวจสอบสายไฟและปลั๊ก: ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กให้ไม่มีความเสียหาย และทำงานได้อย่างปกติ
  • ตรวจสอบฐานรอง: ตรวจสอบว่าตัวเครื่องวางอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงและไม่สั่นสะเทือนขณะทำงาน

2. การทดสอบการทำงาน

  • ทำการทดลองเบื้องต้น: ทำการทดลองกับตัวอย่างที่รู้จักเพื่อดูว่าผลลัพธ์ที่ได้ตรงตามที่คาดหวังหรือไม่
  • ตรวจสอบความเร็วการเขย่า: ใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อตรวจสอบว่าความเร็วที่ตั้งไว้นั้นตรงตามที่กำหนดหรือไม่ เช่น การใช้เครื่องวัดความเร็ว

3. การตรวจสอบการตั้งค่า

  • ตรวจสอบการตั้งค่าความเร็วและเวลา: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าความเร็วและเวลาในการทำงานตรงตามที่ต้องการสำหรับการทดลองนั้น ๆ
  • อุณหภูมิ: หากเครื่องเขย่ามีฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิ ควรตรวจสอบว่าอุณหภูมิอยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการทดลอง

4. การบันทึกข้อมูล

  • บันทึกผลการทดลอง: บันทึกผลการทดลองในทุกครั้ง รวมถึงการตั้งค่าที่ใช้ เช่น ความเร็ว เวลา และอุณหภูมิ เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบและวิเคราะห์ผลได้
  • การติดตามแนวโน้ม: วิเคราะห์ข้อมูลที่บันทึกไว้เพื่อดูแนวโน้มและปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องในอนาคต

5. การทำความสะอาดและบำรุงรักษา

  • ทำความสะอาดเครื่องเขย่า: ทำความสะอาดเครื่องเขย่าทุกครั้งหลังการใช้งาน เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนและช่วยยืดอายุการใช้งาน
  • การบำรุงรักษาตามระยะ: ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตในการบำรุงรักษาเครื่อง เช่น การหล่อลื่นส่วนที่เคลื่อนไหวหรือการตรวจสอบชิ้นส่วนที่สึกหรอ

6. การทดสอบประสิทธิภาพ

  • การทดสอบความแม่นยำ: ใช้ตัวอย่างที่มีค่าที่รู้จัก (standard) ในการทดสอบความแม่นยำของเครื่อง โดยดูว่าผลลัพธ์ที่ได้อยู่ในช่วงที่คาดหวังหรือไม่
  • การทดสอบซ้ำ: ทำการทดลองซ้ำหลาย ๆ ครั้งเพื่อดูว่าผลลัพธ์ที่ได้มีความสอดคล้องกันหรือไม่

7. การปรับแต่ง

  • ปรับแต่งตามผลลัพธ์: หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อาจต้องปรับแต่งการตั้งค่าของเครื่อง เช่น การปรับความเร็วหรือเวลาให้เหมาะสมมากขึ้น
  • ประเมินผลลัพธ์: ประเมินผลลัพธ์หลังจากการปรับแต่ง เพื่อดูว่ามีการปรับปรุงประสิทธิภาพหรือไม่

การตรวจสอบและควบคุมประสิทธิภาพของเครื่องเขย่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการรับรองว่าการทดลองจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและให้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ

  1. เทคนิคการใช้เครื่องเขย่าให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ

การใช้เครื่องเขย่าอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้การทดลองให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสม่ำเสมอ นี่คือเทคนิคในการใช้เครื่องเขย่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:

1. เลือกเครื่องเขย่าที่เหมาะสม

  • ใช้เครื่องเขย่าที่เหมาะกับประเภทของตัวอย่างและการทดลอง เช่น เครื่องเขย่าชนิด Vortex สำหรับการผสมในหลอดทดลอง และเครื่องเขย่าชนิด Orbital สำหรับการผสมในขวดหรือถัง

2. เตรียมตัวอย่างอย่างถูกต้อง

  • ปริมาณที่เหมาะสม: ใส่ปริมาณตัวอย่างที่เหมาะสมในภาชนะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดการกระเด็นหรือการผสมที่ไม่สม่ำเสมอ
  • การจัดเรียงตัวอย่าง: ถ้าคุณมีหลายตัวอย่าง ควรจัดเรียงให้มีระยะห่างพอสมควรเพื่อให้เครื่องเขย่าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ตั้งค่าความเร็วและเวลาอย่างเหมาะสม

  • ความเร็วที่เหมาะสม: ตั้งค่าความเร็วตามประเภทของตัวอย่างและการทำงาน เช่น ความเร็วต่ำสำหรับการผสมเบา ๆ และความเร็วสูงสำหรับการทำปฏิกิริยาเคมี
  • การตั้งค่าเวลา: ควบคุมระยะเวลาในการเขย่าให้ตรงตามความต้องการของการทดลอง และตรวจสอบว่าผลลัพธ์อยู่ในระดับที่ต้องการ

4. ตรวจสอบการทำงานของเครื่อง

  • ตรวจสอบว่าเครื่องเขย่าทำงานได้ตามปกติ ไม่มีเสียงหรือการสั่นที่ผิดปกติ
  • ตรวจสอบว่าการตั้งค่าทั้งหมดเป็นไปตามที่ต้องการก่อนเริ่มการทดลอง

5. ทำการทดลองในสภาวะที่เหมาะสม

  • ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในห้องปฏิบัติการให้เหมาะสม เพื่อให้การทดลองมีความแม่นยำ
  • หลีกเลี่ยงการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือนหรือเสียงดังที่จะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องเขย่า

6. การบันทึกและติดตามข้อมูล

  • บันทึกผลการทดลองอย่างละเอียด รวมถึงการตั้งค่าความเร็ว เวลา และอุณหภูมิที่ใช้ในการทดลอง
  • วิเคราะห์ข้อมูลที่บันทึกไว้เพื่อดูแนวโน้มและความแม่นยำของผลลัพธ์

7. ทำความสะอาดเครื่องเขย่าหลังใช้งาน

  • ทำความสะอาดเครื่องเขย่าเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากสารเคมีต่าง ๆ และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสารเคมีตกค้างในภาชนะหรือบนพื้นผิวของเครื่อง

8. การทดสอบซ้ำ

  • ทำการทดลองซ้ำหลายครั้งเพื่อตรวจสอบความสม่ำเสมอของผลลัพธ์ และดูว่าผลลัพธ์ที่ได้มีความตรงกันหรือไม่
  • ใช้ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบซ้ำเพื่อตั้งค่าหรือปรับปรุงการทำงานในอนาคต

9. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้และใช้ข้อมูลในการปรับปรุงการตั้งค่าเครื่องเขย่าหรือวิธีการทดลองในอนาคต
  • สังเกตแนวโน้มและอาจนำเทคนิคใหม่ ๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการทดลอง

HOME AXXO

STANDARD SOLUTIONS AND INSTRUMENTS FEATURED PRODUCTS

Read More
ABOUT

ABOUT AXXO CHEMICALS AND SERVICES CO. LTDAxxo Chemicals and Services Co.,Ltd., established as a result of the rapid development in science, is acompany that provides scientific equipment and chemicals used […]

Read More
NEWS & EVENT

🎊 บริษัทแอ๊กโซ เคมิคอลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด เข้าร่วมงาน การประชุมวิชาการ วิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 32“นวัตกรรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จากแล็บสู่ชีวิต” Medical Sciences Innovations : From lab to life ☘️🩺 บริษัทแอ๊กโซ เคมิคอลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด เข้าร่วมงาน 7th International Conference and […]

Read More
CONTACT

www.axxo.co.th Axxo Chemicals and Services Co.,Ltd.บริษัท แอ๊กโซ เคมิคอลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด10/13 Soi Krung Thep Kritha 7, Huamak, Bangkapi, Bangkok 1024010/13 ซอยกรุงเทพกรีฑา 7 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240Tel : 02 3469 239 […]

Read More